ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มากกว่า 3,000 คน รักษาหายแล้ว มากกว่า 2,900 คน อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจำนวนไม่น้อยโดนตั้งแง่ กีดกันจากสังคม ไม่ได้รับการยอมรับให้กลับเข้าไปใช้ชีวิตตามปกติ ชุมชนบางแห่งเกิดการขับไล่ออกจากสถานพยาบาลและพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่อาจติดเชื้อโควิด-19 และผู้มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อโควิด-19 รวมไปถึงครอบครัวและคนรอบข้างผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิดความกังวลและหวาดกลัวต่อการถูกกีดกันและรังเกียจจากสังคม ทำให้ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่กล้าไปตรวจเพื่อหาเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปสู่บุคคลอื่นๆในสังคมและบุคคลากรทางการแพทย์
แม้ว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การผ่อนปรนมาตรการต่างๆของรัฐบาลอาจจะมีผลทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการกลับไปใช้ชีวิตร่วมกันของคนในสังคม ดังนั้นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ติดเชื้อโควิด-19ควรที่จะกล้าบอกผลของตนเองเพื่อให้คนรอบข้างได้ทำการเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันผู้ที่อาจติดเชื้อโควิด-19และผู้มีความเสี่ยงว่าจะติดโควิต-19 ควรที่จะกล้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่รู้สึกกังวลหรือหวาดกลัวต่อปฎิกิริยาของคนในสังคม ซึ่งการทำความเข้าใจ เพื่อลดอคติของคนในชุมชนและสังคมจะเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในระยะถัดไป
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอคติทางสังคมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการดูแลป้องกันตนเองและการเฝ้าระวังอย่างถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงการทำให้ผู้อาจติดเชื้อโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ไม่หวาดกลัวต่อการเปิดเผยข้อมูล ลดความหวาดระแวงและหวาดกลัวของผู้เคยติดเชื้อโควิด-19 ในการกลับสู่ชุมชน มีความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจากกลับเข้าสู่ชุมชนอย่างถูกต้อง
ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
1.พัฒนาสื่อสาธารณะ ศึกษาทำความเข้าใจถึงความกังวลและปัจจัยแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความหวาดระแวงในการอยู่ร่วมกับผู้ที่เคยติดเชื้อ ผู้อาจติดเชื้อ รวมถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนนำมาพัฒนาสื่อสาธารณะ เพื่อลดช่องว่างในเรื่องความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด -19 และเพิ่มความเข้าใจให้กับบุคคลทั่วไปและชุมชนที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้อย่างเหมาะสมและตรงประเด็น
2. เตรียมความพร้อมของชุมชนต้นแบบ สร้างแนวทางเตรียมความพร้อมของผู้ติดเชื้อ ผู้ที่อาจติดเชื้อ และชุมชน ในการจัดการกับผลกระทบที่เกิดจากการความไม่เข้าใจ การตั้งแง่ รังเกียจและกีดกัน และนำเสนอมุมมองทางด้านมนุษยธรรมผ่านแคมเปญออนไลน์สาธารณะที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
3. ขยายผล นำความรู้ที่ได้ไปขยายเพื่อใช้ในการให้ความรู้กับพื้นที่อื่นๆต่อไป
สามารถติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ทาง https://www.prevention-trcarc.org/